สุพรรณบุรี   มูลนิธิข้าวขวัญจัดพิธีบวชต้นกัญชาสมุนไพรรักษาโรคให้พ้นภัยยาเสพติด

สุพรรณบุรี   มูลนิธิข้าวขวัญจัดพิธีบวชต้นกัญชาสมุนไพรรักษาโรคให้พ้นภัยยาเสพติด
ที่มูลนิธิข้าวขวัญ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี ได้จัดพิธีบวชต้นกัญชา มีประชาชนและผู้ป่วยจากหลายจังหวัดเกือบ 100 คนเข้าร่วมกิจกรรม
อาจารย์เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ เจ้าของสูตรน้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) เปิดเผยว่าวันนี้เป็นวันครบรอบ 2 วาระ วาระแรกก็คือครบรอบที่เราเดินรณรงค์เอากัญชาออกจากยาเสพติดจากพิจิตร มาถึงสุพรรณ ใช้เวลาเดินทาง 20 วัน วันนี้ที่เราถึงสุพรรณบุรีในวันที่ 9 มิถุนายน 2562 เราจึงจัดครบรอบ 5 ปีการเดินทางไกล 20วัน และบังเอิญเป็นวันครบรอบ 2 ปีการปลดล็อกกัญชา วันที่ 9 มิถุนายน 2565 บางคนก็เรียกวันกัญชาไทย


และปีนี้รัฐบาลมีนโยบายจะเอากัญชากลับเข้าไปเป็นยาเสพติด ประกาศชัดเจนแล้วสั่งให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการซึ่งคิดว่าไปไกลแล้ว ซึ่งการจะเอาไปเป็นยาเสพติดนั้นกระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ อย.เป็นต้นเรื่อง ทำข้อมูลว่าสมควรเอาเข้าไปเป็นยาเสพติด เพราะ อย.เป็นเลขานุการ ของ ปปส.เมื่อ อย.ซึ่งเป็นเลขา เสนอขึ้นไปยัง คณะกรรมการ ปปส.ชุดใหญ่ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าสมควรเห็นให้นำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดก็จะมีการประชุมคณะกรรมการปราบปรามยาสเพติดชุดใหญ่ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีหน่วยงานครบประชุมกันเพื่อพิจารณา ให้ลงมติ ตอนนี้ อย.กำลังทำเรื่องอยู่คิดว่าคงเสร็จภายในเดือนนี้เพื่อเสนอเป็นทางการไปยัง ปปส.เมื่อนายกเรียกประชุมก็จะลงมติกันว่าสมควรเห็นตามที่ อย.เสนอ หรือไม่ที่ให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่ง 99 เปอร์เซน เห็นด้วยอยู่แล้วเพราะว่ารัฐบาลสั่งมาเพราะฉะนั้นแนวโน้มที่กัญชาจะกลับไปเป็นยาเสพติดภายในปีนี้เกิน 90 เปอร์เซน


การจัดงานวันนี้เป็นการจัดครบรอบเดิน 5 ปี ครบรอบ 2 ปีเอากัญชสออกจากยาเสพติด เราก็ถือโอกาสแสดงพลังแสดงจุดยืนว่าเราไม่เห็นด้วยในการเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก เพราะกัญชาไม่ได้อันตรายเมื่อเทียบกับเหล้าบุหรี่ อย่างเหล้าปีหนึ่งเสียชีวิตเกิน 60,000 คนบุหรี่เสียชีวิตเกิน 100,000 คนแต่ทั้งเหล้าและบุหรี่ตามกฎหมายกลับไม่ใช่ยาเสพติดและจำหน่ายได้ในร้านสะดวกซื้อ จะเห็นได้ว่ามาตรการจัดการควบคุมเหล้าบุหรี่ที่เป็นสารเสพติดและอันตรายมากโดยใช้ พรบ.ควบคุมยังให้ขายได้ ทำไมกัญชาไม่ได้มีโทษแบบนั้นและยังมีประโยชน์มากมาย ถึงเอาเข้าเป็นยาเสพติดเหตุผลอะไรถึงเอาเข้าเป็นยาเสพติด
ถ้าคิดว่าเอาสันทนาการกันอาจจะมีโทษ แต่พิสูจน์ไม่ได้ว่ามีโทษมากกว่าเหล้าและบุหรี่ ก็ทำ พรบ.มาควบคุม เป็นห่วงเยาวชนก็ไม่ให้เยาวชนเข้าถึงเหมือนเหล้าบุหรี่ ใช้มาตรฐานเดียวกับเหล้าบุหรี่สิ ทำไมสองมาตรฐานละ ทั้งที่เหล้าบุหรี่มีโทษขนาดนี้ยังใช้พรบ.ควบคุมให้ขายในร้านสะดวกซื้อได้ แล้วทำไมกัญชาถ้ากลัวมีโทษทำไมไม่ออก พรบ.เหมือนเหล้าบุหรี่ ทำไมต้องเอาไปเข้ายาเสพติด มีเหตุผลอะไร กลุ่มเขียนเรื่องกัญชาไทย ได้สอบถามเป็นทางการไปที่กระทรวงสาธารณสุข พรรคการเมืองต่างๆ กับทุกฝ่ายที่เห็นควรเอากัญชาเข้าไปเป็นยาเสพติด คุณเอาข้อมูลมาชี้แจงสิว่าระหว่างกัญชากับเหล้าบุหรี่ ใครมีโทษมากกว่ากัน เอาข้อมูลที่เป็นวิชาการที่เชื่อถือได้เอามดูถ้ากัญชามีโทษมากกว่า แล้วคุณเอาเข้าเป็นยาเสพติดเราไม่คัดค้านหรอกแต่ถ้าไม่มากกว่าหรือน้อยกว่า คุณแค่ พรบ.เท่ากันก็ได้ แต่คำถามนี้ไม่มีใครตอบ
ตนในนามหมอพื้นบ้านที่ใช้กัญชามาก่อนที่จะถูกกฎหมายก่อนปี 62 ที่ตำรวจมาจับ เลยตั้งให้ตนเป็นหมอพื้นบ้านตั้งแต่ปีนั้นตนก็รณรงค์ว่ากัญชาไม่ใช่ยาเสพติด มันเป็นประโยชน์ตนใช้รักษาคนมาแล้วแสนกว่าคน น้ำมันกัญชาตำหรับตนที่ยกให้เอาไปวิจัยก็ แสนแปดหมื่นกว่าคนแล้ว ไม่มีใครเป็นอะไรสักคน ดังนั้นคนที่ใช้จริงรู้จริงอย่างตนจึงต้องออกมาเปิดเผยว่ามันไม่ใช่ ที่รัฐบาลทำมันไม่ใช่ประโยชน์ของประชาชนเลยแต่มันเพื่อกลุ่มคนบางกลุ่มที่เสียประโยชน์จากกัญชาเท่านั้น ซึ่งเราก็รู้ว่าเป็นกลุ่มไหนบ้างงานวิจัยก็มีอยู่แล้ว คุณก็ไม่ยอมข้อมูลมาเปิดเผยกัน พูดอยู่ฝ่ายเดียวแล้วรวบรัดตัดตอนเอาเข้ายาเสพติดง่ายๆอย่างนี้ประชาชนก็ต้องเคลื่อนไหวเพราะว่าประชาชนได้ประโยชน์จากกัญชาและได้รับโทษจากเหล้าบุหรี่จากยาบ้า นี่คือสิ่งที่จะเกิดขึ้น ตนไม่กลัวหรอกว่าเอาเข้าได้ก็เอาออกได้เพียงแต่ว่าจะทำให้เดือดร้อนทำไม ตนเป็นรัฐบาลมากกว่าว่าอายุจะสั้น  ในฐานะหมอพื้นบ้านก็ทำเชิงที่ว่ากัญชาคือสมุนไพรเราก็จะปกป้องกัญชาในฐานะสมุนไพรไม่ใช่ยาเสพติด การปกป้องแบบเราจะใช้ธรรมะคือใช้การบวช เหมือนป่าที่เราต้องการปกป้องเราก็บวชป่าบวชต้นไม้ไม่ให้คนมาตัด ทีนี้เราป้องกันสมุนไพรเราซึ่งเป็นยาถูกเอาไปเข้าเป็นยาเสพติดเราก็บวชต้นกัญชาเพื่อป้องกันไม่ให้ใครมาทำร้ายเอาไปเป็นยาเสพติดนี่คือสัญลักษณ์ที่เราทำ คือเอากัญชามาบวชเพื่อป้องกันไม่ให้สมุนไพรของเราถูกทำลาย โดยจัดพิธีกรรมบวชต้นกัญชา จำนวน 205 ต้นเพราะว่าเมื่อนเมษายน ปี62 ทาง ปปส.เขามาบุกค้นที่มูลนิธิเรา ตอนนั้นตนยังไม่ได้เป็นหมอพื้นบ้านเขาบอกตนทำผิดกฎหมาย ปลูกกัญชาทำยากัญชาแจก ซึ่งตนไม่ใช่หมอตอนนั้นเขาก็จับเอาไปได้ 205 ต้นเป็นของกลางวันนี้เราก็ใช้ตัวเลขนั้นมาเป็นสัญลักษณ์ว่า 205 ต้นที่ยึดจากเราไปนั้นตายหมดแล้ววันนี้เราก็เลยเอามาบวชเพื่อคุณจะเอาไปทำลายแบบเก่าไม่ได้เพราเราบวชแล้วเป็นสมุนไพรเรียบร้อยแล้วตอนนี้ยังไม่ผิดกฎหมายเราก็เลยทำพิธีกรรมแบบนี้  สำหรับพิธีบวช ก็จะมีพระสงฆ์ทำพิธีสวด พิธีทอดผ้าป่า และการบวชป่าโดย มีประธานพระสงฆ์ และฝ่ายฆราวาสคืออาจารย์เดชา ใช้ผ้าเหลืองการเขียนยันต์ ผูกต้นกัญชาต้นใหญ่หรือเรียกว่านางพญากัญชา จากนั้นผู้ร่วมพิธีก็ใช้เศษผ้าเหลืองผูกที่โคต้นกัญชาแต่ละต้นทั้งหมดรวม 206 ต้น ก่อนจะนำไปตั้งไว้ที่หน้าวิหาร ซึ่งมีรูปปั้นหลวงปู่ปลัดยม วัดไทรโรงโขน จังหวัดพิจิตร บรมครูแห่งน้ำมันกัญชา ประดิษฐานอยู่
ภัทรพล พรมพัก สุพรรณบุรี