กาญจนบุรี จัด “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม”

กาญจนบุรี   รมต.ยุติธรรมเดินสายลุย จับมือ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลุยเมืองกาญจน์
วันที่ 9 มิถุนายน 2567 พันตำรวจเอก สอดส่องรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จับมือ นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลุยเมืองกาญจน์ จัด “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่ 11 จับมือสถาบันการเงินตั้งโต๊ะ ไกล่เกลี่ยช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ “กยศ.” และ “หนี้ครัวเรือน” พร้อมกำชับการไกล่เกลี่ยต้องไม่เอาเปรียบลูกหนี้ เป็นธรรมและความยุติธรรม มุ่งให้ประชาชน หลุดพ้นจากวงจรการเป็นหนี้


ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่11 และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือน ประจำปี 2567
กล่าวภายหลังเป็นเป็นประธานเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่11 และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือน ประจาปี 2567 เพื่อเป็นเวทีกลางในการช่วยคลายทุกข์และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับผู้มีภาระหนี้สิน โดยมี นางสาวเอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ นายเสกสรร สุขแสง อธิบดีกรมบังคับคดี สถาบันการศึกษา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและบริหารสถาบันการเงินเข้าร่วม ร้อยโท ทศพล ไชยโกมินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี กล่าวต้อนรับ


หลังจากเปิดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่11 และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือน ประจาปี 2567แล้ว
พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ในการจัดงาน “มหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีแห่งความเป็นธรรม” ครั้งที่11และมหกรรมไกล่เกลี่ยช่วยเหลือหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และหนี้ครัวเรือนในครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 11 โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และกรมบังคับคดี พร้อมด้วย สถาบันการศึกษา กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา และสถาบันการเงินร่วมกันจัดขึ้น เพื่อให้ประชาชนที่ประสบปัญหาหนี้สิน ทั้งที่มีคดีก่อนฟ้อง และหลังศาลมีคาพิพากษา ตลอดจนผู้ประสบปัญหาหนี้สินต่างๆ ได้รู้สิทธิตามกฎหมาย เข้าถึงความยุติธรรม รวมถึงสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นเกราะป้องกันปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือน โดยภายในงาน ประกอบด้วย 3 กิจกรรม คือ 1) การเผยแพร่ความรู้ทางกฎหมาย และการสร้างการตระหนักรู้ เกี่ยวกับการวางแผนและสร้างวินัยทางการเงินให้แก่ประชาชน 2) การจัดนิทรรศการประชาสัมพันธ์ ให้คาปรึกษาทางกฎหมายหรือการเงิน 3) การให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
ปัจจุบัน หนี้สินครัวเรือน ถือเป็นปัญหาใหญ่ ที่รัฐบาลถือเป็นวาระแห่งชาติ ที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ จากสถานการณ์ประเทศไทยที่กาลังเผชิญภาวะหนี้สินครัวเรือนที่สูงกว่าร้อยละ 90 ของ GDP ถือเป็นความเปราะบางของภาคประชาชนต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงเศรษฐกิจ เนื่องจากหนี้ที่สูง ย่อมส่งผลให้ครัวเรือนมีความสามารถในการใช้จ่ายและลงทุนต่ำ อีกทั้งหากลูกหนี้ไม่สามารถชาระหนี้ได้ พร้อมกันจานวนมาก อาจทาให้เกิดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต


“จากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้น นโยบายแรกที่รัฐบาลได้เร่งดาเนินการ คือ แก้ไขปัญหานี้สินทั้งในภาคเกษตร ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน โดยรัฐบาลจะลดภาระพี่น้องเกษตรกรด้วยการพักหนี้เกษตรกร ตามเงื่อนไขและคุณสมบัติที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการช่วยเหลือประคองภาระหนี้สินและต้นทุนทางการเงิน สาหรับภาคประชาชนที่ครอบคลุมถึงผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด19 ให้ได้มีโอกาสในการฟื้นฟูและกลับมาดาเนินธุรกิจได้อีกครั้ง” พันตำรวจเอก ทวี กล่าวย้ำ
พร้อมกล่าวต่อด้วยว่า นอกจากนี้รัฐบาลจะมีมาตรการในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของกลุ่มอื่นๆ ภายใต้ปรัชญาที่จะไม่ขัดต่อวินัยทางการเงินและไม่ทาให้เกิดภาวะภัยทางจริยธรรม (Moral Hazard) ของผู้มีภาระหนี้สิน ในส่วนมิติของกระบวนการไกล่เกลี่ย คือ การสร้างความยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ การสร้างความปรองดอง การสร้างสันติภาพบนความขัดแย้ง การจัดงานในวันนี้ จึงถือเป็นงานที่สร้างความยุติธรรมตามความเป็น ตนอยากฝากข้อคิดเรื่องการไกล่เกลี่ยต้องไม่เอาเปรียบลูกหนี้ แต่สิ่งที่ต้องทา คือ การสร้างความเป็นธรรม ความยุติธรรม และความพึงพอใจให้เกิดขึ้นกับทุกฝ่าย ลูกหนี้ต้องกลับคืนสู่สังคมด้วยความปกติ ด้วยการคืนศักดิ์ศรีให้ลูกหนี้ ในส่วนของการให้ความรู้ด้านกฎหมาย ถือเป็นการติดอาวุธให้กับประชาชนให้ได้รับความรู้ ไม่ต้องถูกเอาเปรียบ ไม่ถูกรังแก มีศักดิ์ศรี ตลอดจนสามารถสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจของประเทศให้ดียิ่งขึ้นต่อไป