สิงห์บุรี เกษตรอำเภอท่าช้างหันมาปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชแทนการทำนา

เกษตรอำเภอท่าช้างสิงห์บุรีหันมาปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชแทนการทำนาเพราะใช้น้ำน้อย
เนื่องจากไม่มีน้ำทำนาเกษตรตำบลโพประจักษ์และตำบลถอนสมอ อำเภอท่าช้างจังหวัดสิงห์บุรี จึงหันมาปลูกกล้วยหอมเขียวคาเวนดิช ตั้งแต่ปี 2559 เพราะเป็นพืชที่ใช้น้ำน้อยลงทุนครั้งเดียวได้ผลผลิตระยะยาว
นางวัฒนา แสวงเจริญ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรท่าช้าง จำกัด ร่วมกับ นายสมบัติ เชื้อนาค ประธานกลุ่มนาแปลงใหญ่กล้วยหอมเขียวคาเวนดิช ได้ผลักดันส่งเสริมอาชีพกลุ่มนาแปลงใหญ่อำเภอท่าช้าง พื้นที่ร่วม 312 ไร่
ในช่วงแรกของการปลูกเกษตรกรอาจต้องลงทุนมากและสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตระยาวและปลูกขึ้นแปลงใหม่จากหน่อของต้นเดิมได้ จึงทำให้เกษตรหันมาปลูกกล้วยหอมเขียวกันมากขึ้น แต่เมื่อประสบปัญหาผลผลิตที่เกินความต้องการของผู้บริโภคเพราะไม่สามารถส่งออกไปจีนได้เพราะเกิดโรคระบาดโควิด-19 เกษตรกรบางส่วนทิ้งแปลงไปอีกทั้งราคาของกล้วยหอมสดราคาลดลงเหลือประมาณ 4-6 บาทต่อกิโลกรัมจึงต้องหาตลาดภายในประเทศรองรับใหม่


ปัจจุบันราคาจำหน่ายกล้วยหอมเขียวคาเวนดิชราคาสูงขึ้นกิโลกรัมละ 9-10 บาท เกษตรกรในพื้นที่ก็อยากกลับมาปลูกกันอีกครั้ง ซึ่งกล้วยหอมมีลักษณะใหญ่ทั้งผล ใบและลำต้น รสชาติไม่หวานมาก มีเปลือกหนา อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร มีใยอาหารที่ช่วยการขับถ่ายและปริมาณน้ำตาลน้อยเหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายและผู้ที่ใส่ใจในสุขภาพถือเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ โดยจัดจำหน่ายที่ ห้างท๊อปพลาซ่าสิงห์บุรี และตลาดฝาครอบครอง สี่แยกไฟแดงดงมะขามเทศ วันเสาร์-อาทิตย์ ในอนาคตกลุ่มเกษตรนาแปลงใหญ่กล้วยหอมเขียวคาเวนดิชรา เปิดรับสมาชิกที่ปลูกกล้วยทุกสายพันธุ์เพื่อให้เกิดความหลากหลายของผลผลิตและจะแปรรูปกาบลำต้นกล้วย นำไปตากแดดแล้วนำไปรีดให้เรียบก่อนจะนำมาขึ้นรูปออกมาเป็นถ้วย ภาชนะสำหรับใส่อาหาร สร้างรายได้ให้ชุมชนอีกทางหนึ่งหลังจากที่ว่างเว้นจากการทำนา