กาญจนบุรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 บินด่วนแถลงข่าวจับกุมการลักลอบขนแรงงานต่างด้าว

กาญจนบุรี   ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 บินด่วนแถลงข่าวจับกุมการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมาย 3 คดีรวดพร้อมฝากเตือนนายจ้างขอให้เลือกจ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากพบนำเข้าแรงงานผิดกฎหมายจะดำเนินคดีอย่างถึงที่สุด


พลตำรวจโทธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เป็นประธานแถลงข่าวการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายให้กับสื่อมวลชนทุกแขนง ณ.กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี โดยมีนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี,พลตำรวจตรีนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ,พลตำรวจตรีวรณัน สุขเจริญ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี,พลตำรวจตรีนพศิลป์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ,พันเอกบรรเจิด จันทร์ส่งเสริม รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดกาญจนบุรี และพันเอกวุทธยา จันทรมาศ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 พันเอกสิทธิพร จุลปานะ ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้ากองกำลังสุรสีห์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ปกครองและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าวการจับกุม ตามมติคณะรัฐมนตรีลงวันที่ 29 ธันวาคม 2563 อนุญาตให้แรงงานต่างด้าวบางจำพวกอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

จึงได้มีแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน พยายามที่จะลักลอบเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งตำรวจภูธรภาค 7 ได้กำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาการดำเนินการอย่างเข้มงวด จนกระทั่งวันที่ 21 มกราคม สามารถจับกุมขบวนการลักลอบขนแรงงานต่างด้าวเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ รวม 3 คดี คดีที่ 1 เวลา 09.00 น.เจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจร่วมสามแยกทองผาภูมิได้ทำการตรวจค้นรถยนต์เก๋งส่วนบุคคล หมายเลขทะเบียน กพ 2064 กาญจนบุรี ซึ่งมีนางสาวศศิเพ็ญ ศิลปะชัย ผู้ขับขี่ ซึ่งเป็นภริยาของนักการเมืองท้องถิ่นในอำเภอสังขละบุรีพร้อมด้วยบุคคลต่างด้าว 4 คน โดยรับตัวมาจากบริเวณชายแดน อำเภอสังขละบุรีเพื่อนำไปส่งในอำเภอเมืองกาญจนบุรีโดยได้รับค่าจ้างสำหรับผู้ใหญ่คนละ 7,000 บาทและเด็กคนละ 4,000 บาท โดยจะมีคนมารับต่อจึงได้ขยายผลจับกุมตัวนายสมศักด์ ไม่มีนามสกุลชาวพม่า ได้ที่หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังจังหวัดกาญจนบุรี และให้การรับสารภาพว่าจะพาไปส่งที่อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี แต่มาถูกจับกุมตัวได้ที่เสียก่อน


คดีที่ 2 เวลา 10.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจุดตรวจร่วมสะพานรันตีได้ทำการค้นรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน กธ 8513 กาญจนบุรี ซึ่งมีนายประวิช แก้วดำ เป็นผู้ขับขี่ พร้อมด้วยบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา 2 คน หลบซ่อนอยู่ภายในเบาะนั่งตอนที่ 3 โดยมีผ้าสีดำคลุมปิดทับไว้เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบสวนพบว่านายประวิช ได้รับตัวบุคคลต่างด้าวชาวพม่า เพื่อนำไปส่งที่อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรีเช่นกันโดยได้รับเงินค่าจ้างคนละ 5,000 บาทแต่มาถูกจับกุมได้เสียก่อน
คดีที่ 3 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำจุดตรวจร่วมสะพานรันตีได้ทำการตรวจค้นรถยนต์โตโยต้าฟอร์จูนเนอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน กต 3837 กาญจนบุรี ซึ่งมีนางสาวอัจฉรา ชินสรนันท์ เป็นผู้ขับขี่ พร้อมด้วยบุคคลต่างด้าวชาวเมียนมา 1 คน นอนหลบซ่อนอยู่บริเวณที่พักเท้าตอนที่3 โดยมีผ้าห่มคลุมปิดทับไว้ด้านบนตัว เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสืบสวนทราบว่า

นางสาวอัจรา ได้รับตัวบุคคลต่างด้าวมาจากชายแดนอำเภอสังขละบุรีเพื่อนำตัวไปส่งที่ฟาร์มเลี้ยงไก่แห่งหนึ่งในอำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี โดยมีจุดประสงค์ที่จะนำแรงงานต่างด้าวดังกล่าวไปขึ้นทะเบียนบุคคลต่างด้าว แต่มาถูกจับได้ก่อนที่จะถึงจุดหมาย
ทั้งนี้พลตำรวจโทธนา ชูวงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 กล่าวว่า สำหรับนายจ้างที่ต้องการแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านขอให้เลือกจ้างแรงงานที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากมีการนำเข้าแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายมาเพื่อรอการขึ้นทะเบียน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการกวดขันจับกุม ปราบปรามอย่างจริงจัง และจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างถึงที่สุด พร้อมทั้งของประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนทั่วไป หากพบเห็นหรือทราบเบาะแสการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย หรือมีการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ขอให้ท่านแจ้งได้ที่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ท่านไว้วางใจเพื่อจะได้ช่วยกันป้องกันปราบปรามการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และช่วยกันยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 อีกด้วย ในการนี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากร ได้เดินทางประชุมร่วมกับคณะผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7พร้อมมอบชุดพีพีอีให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อใช้ในการปฏิบัติป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ต่อไป
เกษร เสมจันทร์