ปทุมธานี ซ้อมเสมือนจริง!! ตำรวจร่วมโรงพยาบาลซ้อมแผน“ตีกันในโรงพยาบาล” ช่วงลอยกระทง

ซ้อมเสมือนจริง!! ตำรวจเมืองปทุมธานีร่วมโรงพยาบาลปทุมธานีซ้อมแผนป้องกันโรคฮิต “ตีกันในโรงพยาบาล” ช่วงลอยกระทง
เมื่อเวลา 17.30 น.วันที่ 29 ต.ค.2563 ที่โรงพยาบาลปทุมธานี อ.เมือง จ.ปทุมธานี พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ รรท.ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี พร้อมด้วย นายแพทย์ประสิทธิ์ มานะเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี คณะผู้บริหารโรงพยาบาลปทุมธานี เจ้าหน้าตำรวจสภ.เมืองปทุมธานี เจ้าหน้าที่กู้ภัย จัดให้มีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเมื่อเกิดการทะเลาะวิวาทกันในโรงพยาบาลช่วงเทศกาลลอยกระทง จำลองเสมือนเหตุการณ์จริงเพื่อเป็นการป้องกันการตามก่อเหตุทะเลาะวิวาท และยกพวกตีกันในโรงพยาบาล โดยสมมุติเหตุการณ์กลุ่มวัยรุ่นยกพวกตีกันมาจากที่อื่นจนได้รับบาดเจ็บถูกนำตัวส่งมาที่โรงพยาบาล เมื่อคู่อริมาเจอกันอีกที่ห้องฉุกเฉิน แล้วระงับอารมณ์ไม่อยู่ แล้วมาทะเลาะวิวาททำร้ายกันอีกครั้งในโรงพยาบาลจนเกิดการตะลุมบอนชกต่อยกันวุ่นวายขึ้นอีกครั้งทำให้มีแพทย์-พยาบาลได้รับบาดเจ็บเพราะถูกลูกหลงรวมถึงมีอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย

นายแพทย์ประสิทธิ์ มานะเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปทุมธานี กล่าวว่าการมีเหตุทะเลาะกันหน้าแผนกอุบัติเหตุและฉุกเฉิน ทำให้เกิดความเสี่ยง ที่จะสร้างความเสียหายต่อร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สิน ของผู้ป่วย ญาติผู้ป่วย และเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ซึ่งการซ้อมแผนในครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อม เฝ้าระวัง และพัฒนาบุคคลกร ให้รับมือกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมเพิ่มเครือข่ายความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในและภายนอก ในการป้องกันควบคุม และระงับเหตุ เมื่อเกิดสถานการณ์ความรุนแรง และการแจ้งเหตุ การขอความช่วยเหลือ ได้ถูกต้อง รวดเร็ว ทันเวลา เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องผู้บริสุทธิ์ รวมถึงแพทย์-พยาบาล และผู้ป่วย

 

ด้าน พ.ต.อ.เอนก สระทองอยู่ รรท.ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ซ้อมเผชิญเหตุเสมือนจริง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปกป้องผู้บริสุทธิ์ รวมถึงแพทย์-พยาบาล และผู้ป่วย เพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นจริงๆ จะได้มีสติในการระงับเหตุและป้องกันตัว เมื่อเกิดเหตุ รปภ.ของ รพ.ปทุมธานีก็จะแจ้งเหตุไปยังศูนย์วิทยุ 191 ใช้เวลาเพียง 2-3 นาที ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ต้องมาถึงที่เกิดเหตุและเข้าระงับเหตุตามยุทธวิธีที่ฝึกฝนมา รวมถึงเจ้าหน้าที่ของ รพ.ปทุมธานี ก็ต้องรู้หลักการป้องกันตัวเองด้วย ดังนั้นการซักซ้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญเพราะเมื่อเกิดเหตุขึ้นจริงๆ จะได้มีสติในการระงับเหตุและป้องกันตัว ดังนั้น จึงฝากเตือนวัยรุ่นและผู้ที่คิดจะก่อเหตุว่าอย่าคิดจะทำการก่อเหตุ โดยเฉพาะการมาตะลุมชกต่อยกันในโรงพยาบาล เพราะตอนนี้มีโทษสถานหนักโดยไม่ต้องรอลงอาญา


ทั้งนี้ ทุกฝ่ายที่ร่วมกันซ้อมไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตำรวจ พยาบาล เจ้าหน้าที่กู้ภัยต่างมีการแสดงสมจริงเฉพาะฝ่ายที่แสดงเป็นกลุ่มวัยรุ่น แสดงคล้ายกับกำลังอยู่ทะเลาะวิวาทรุมตีกันจริงๆ จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามคุมตัวได้หมดก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดไปดำเนินคดีต่อไป ซึ่งในการซ้อมแผนเผชิญเหตุดังกล่าว ได้รับความสนใจจากบรรดาญาติของผู้ป่วยและผู้ป่วยที่มาโรงพยาบาลเป็นจำนวนมาก โดยนึกว่าเป็นเหตุการณ์จริง.