สมุทรสาคร อนุทินชู อสม.และอสต.พลังสำคัญช่วยตรวจค้น ไม่พบโควิดในต่างด้าว ก้าวต่อไปตรวจเข้มต่อเนื่องทุกพื้นที่

อนุทินชู อสม.และอสต.พลังสำคัญช่วยตรวจค้น ไม่พบโควิดในต่างด้าว ก้าวต่อไปตรวจเข้มต่อเนื่องทุกพื้นที่
เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น.ของวันที่ 21 พฤษภาคม 2563นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข พร้อมคณะเดินทางมาเยี่ยมให้กำลังผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานการป้องกันควบคุมโรคโควิด 19 และการดำเนินงานค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในกลุ่มแรงงานต่างด้าว รวมทั้งเยี่ยมชมการดำเนินงานศูนย์รังสีรักษา ที่โรงพยาบาลนครท่าฉลอม ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร โดยมีนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อม แพทย์ พยาบาล บุคลากรสาธารณสุข ผู้แทนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อสม.และ อสต.ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาครร่วมต้อนรับ


นายอนุทินฯ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด19 ประเทศไทยในขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อลดลง แต่ยังคงเข้มมาตรการค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก นำเข้าสู่การรักษาเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อ เน้นในกลุ่มเสี่ยงเช่นแรงงานต่างด้าว กลุ่มผู้ต้องขัง บุคลากรทางการแพทย์ รวมทั้งกลุ่มอาชีพที่พบปะคนจำนวนมาก สำหรับเขตสุขภาพที่ 5 ซึ่งมีแรงงานต่างด้าวในพื้นที่จำนวนมาก ได้มอบนโยบายให้ อสม. และอสต. ออกเคาะประตูบ้าน หอพักคนงาน ดูแลให้ความรู้เรื่องการเว้นระยะห่า การสวมหน้ากาก การล้างมือบ่อยๆ และคัดกรองค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุก ผลการตรวจหาเชื้อด้วยน้ำลาย รวมทั้งสิ้น 3,446 ตัวอย่าง ในจำนวนนี้เป็นตัวอย่างที่จังหวัดสมุทรสาคร 2,168 ตัวอย่าง ผลจากการตรวจไม่พบในผู้ติดเชื้อในตัวอย่างที่เก็บมาทั้งหมด เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับการควบคุมโรคติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 เพิ่มขึ้น และในการผ่อนคลายมาตรการระยะ 2 ผ่านมา 4 – 5 วัน สภาพก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ลุ้นไปอีกสัก 10วัน ถ้าเราควบคุมแบบนี้ได้แสดงว่าประเทศของเราปลอดภัยด้วยมาตรการ ด้านการควบคุมที่ดี จึงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนให้ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งประเทศไทยเราปลอดภัยจากการติดเชื้อเพราะคนไทยทุกคนใส่หน้ากากอนามัย พร้อมกันนี้ก็ยังจะต้องมีการตรวจเข้มทุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19


จากนั้นนายอนุทินฯ พร้อมคณะ ได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลนครท่าฉลอม ซึ่งได้เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2563 รองรับ ผู้ป่วยรายใหม่ได้สัปดาห์ละ 15 ราย และให้บริการฉายรังสีได้วันละ 45 ราย ผู้ป่วยจากจังหวัดสมุทรสาคร และ จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 5 ช่วยลดระยะเวลารอคอย ผู้ป่วยได้รับการฉายแสงภายใน 6 สัปดาห์ จำนวนเพิ่มขึ้น ลด ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดการส่งต่อผู้ป่วยออกนอกเขต นอกจากนี้มีผู้ป่วยจากเขตรอยต่อกรุงเทพฯ มารับบริการ ทำให้ตอบโจทย์นโยบายจตุรทิศของกระทรวงสาธารณสุข กระจายการให้บริการ 4 มุมเมือง ลดแออัดโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ โดยได้รับการสนับสนุนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เพื่อจัดบริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ


ทั้งนี้ ศูนย์รังสีรักษาฯ ได้รับงบประมาณการก่อสร้างและจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ประมาณ 140 ล้านบาท จากมูลนิธิโรงพยาบาลนครท่าฉลอม ที่มีคุณสุวรรณ แสงสุขเอี่ยม เป็นประธาน ผ่านการตรวจประเมินขึ้นทะเบียนเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะทางด้านรังสีรักษาฯ จากคณะทำงานพัฒนามาตรฐานหน่วยบริการที่ให้บริการรักษา โรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัดและรังสีรักษาในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้บริการผู้ป่วยสิทธิบัตรทองได้ครอบคลุม   นอกจากนี้เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจที่โรงพยาบาลนครท่าฉลอมแล้ว นายอนุทินฯ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปที่โรงพยาบาลสมุทรสาครเพื่อรับมอบห้องตรวจปลอดเชื้อ และ Mobile clinic,เยี่ยมชมการจัดบริการ New Normal Medical Service ของโรงพยาบาลสมุทรสาคร และรับฟังการนำเสนอแนวทางการดำเนินงาน New Normal Medical Service ของเขตสุขภาพที่ 5
ชูชาต แดพยนต์ ทีมข่าวสมุทรสาคร