กาญจนบุรี   แจ้งจับเจ้าสัวพันล้าน กับพวก แอบยึดถือครอบครองพื้นที่วิวสวยจำนวนเกือบ 200 ไร่ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม

กาญจนบุรี   แจ้งจับเจ้าสัวพันล้าน กับพวก แอบยึดถือครอบครองพื้นที่วิวสวยจำนวนเกือบ 200 ไร่ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี
ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมนายวราวุธ ศิลปอาชา นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชให้ดำเนินการเด็ดขาดกับนายทุน ผู้บุกรุกป่า


วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2536 เวลา 09.00 น. พันเอก พงษ์เพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการศูนย์การประสานงานที่ 4 (ศปป.4) กองอำนวยการรักความมั่นคงภายในประเทศ (กอ.รมน.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม นายสมชาย ฉิมแย้ม เจ้าพนักงานป่าไม้อาวุโส ศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์ป่า (ศปก.พป.) และคณะเจ้าหน้าที่ ได้เข้าร่วมการออกตรวจปราบปราม การกระทำผิด ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บ้านลิเจีย หมู่ 4 ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัด กาญจนบุรี สืบเนื่องมาจาก เจ้าสัวพันล้าน มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดกรุงเทพมหานคร กรรมการบริษัท ชื่อดังแห่งหนึ่ง   ที่มีทุนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ 1 พันล้านบาท กับพวกรวม 6 คน  เป็นตัวแทน โดยเจ้าสัวกับพวกที่เป็นตัวการ ให้ตัวแทน ไปนำชี้ตรวจสอบรังวัดแปลงที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จังหวัดกาญจนบุรี ของคนอื่น แล้วครอบครองเปลี่ยนชื่อมาเป็นของตัวเอง  เจ้าสัวกับพวกและแอบนำรายชื่อดังกล่าว เข้าคณะกรรมการพิสูจน์สิทธิ์การครอบครองที่ดินของราษฎรในพื้นที่อนุรักษ์ จังหวัดกาญจนบุรี แต่คณะกรรมการฯมีมติไม่รับรอง เพราะที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 มีหลักเกณฑ์กำหนดไว้ ให้ช่วยเหลือราษฎรเดิม ผ่อนปรนให้อยู่อาศัยและทำกินอยู่ในที่เดิม ก่อนหรือหลังประกาศเขตสงวนหวงห้ามครั้งแรก และต้องทำประโยชน์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันด้วย บุคคลภายนอก ที่มีการซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ หรือโอนสิทธ์มา จากราษฎรเดิม ไม่ได้รับประโยชน์ หรือไม่มีสิทธิ์ได้รับการผ่อนปรนในที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 ดังกล่าว และการกระทำการซื้อ ขาย เปลี่ยนมือ หรือโอนสิทธิ ในที่ดินตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 นั้น ทำให้เกิดการบุกรุกป่าเพื่อหาที่ดินทำกินเพิ่มเติมจากการขายไป หรือโอนไป เกิดวัฐจักร การบุกรุกป่าไม่มีสิ้นสุด เป็นการกระทบกระเทือน ต่อการรักษาป่า และสิ่งแวดล้อม ซึ่งหลักเกณฑ์ด้านป้องกันทรัพยากรป่าไม้ หรืออื่นๆ ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541 บัญญัติไว้ว่า การกระทำใดๆ ที่เป็นการกระทบกระเทือนต่อการรักษาป่า หรือสิ่งแวดล้อมให้ดำเนินการตามกฎหมาย อย่างเฉียบขาด


หลังจากคณะเจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนครบแล้ว วันนี้ คณะเจ้าหน้าที่ฯ จึงได้เดินทางมาตรวจยึดแปลงที่ดินดังกล่าวในบริเวณอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บ้านลิเจีย ตำบลปรังเผล อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ขณะตรวจยึดแปลงที่ดินดังกล่าว ไม่พบผู้ใดอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงได้ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินดังกล่าว ดังนี้ 1.นายมนตรี มังกรกนก ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินได้จำนวน 45ไร่ 31 ตารางวา ดร.นางปัญจรัตน์ มังกรกนก ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินได้47ไร่ 3 งาน 72 ตารางวา นางสาวศิริกุล มังกรกนก ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินได้ 26 ไร่ 2 งาน 91 ตารางวา นางสาวศิริวรรณ มังกรกนก ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินได้46 ไร่ 96 ตารางวา นายไพรัชญ์ ปัญจรันต์มนตรี ตรวจยึดรังวัดแปลงที่ดินได้ 25 ไร่ 2 งาน 75 ตาราวา นายภูมิพงษ์ มังกรกนก 5ไร่ 3 งาน 10 ตารางวา รวมทั้งหมด 197ไร่ 1งาน 75 ตาราวา แล้วบันทึกเรื่องราวนำ ส่งพนักงานสอบสอบสถานีตำรวจภูธรสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี สืบสวนสอบสวน หาตัวนายมนตรี มังกรกนก กับพวกรวม 6 คน รวมทั้งนายศักดิ์ชัย บัณติอินทร์ นายวันชัย นวลขำดีแท้ ผู้สนับสนุน มาดำเนินคดีตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 19 (1) ฐานยึดถือ ครอบครอง ในที่ดินในอุทยานแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาต ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 4 ปีถึง 20 ปี ปรับตั้งแต่ 4 แสนถึง 2 ล้านบาท และคณะเจ้าหน้าที่อาศัยอำนาจตามมาตรา 35 (1) กฎหมายอุทยานแห่งชาติ 2562ได้ติดป้ายประกาศ ห้ามมินายมนตรี มังกรกนก กับพวกหรือบุคคลใด กระทำการใดๆในที่ดินแปลงดังกล่าว จนกว่าคดีถึงที่สุด หากฝ่าฝืนประกาศต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ และค่าปรับรายวันอีกวันละ 1 หมื่นบาท จนกว่าจะยุติการกระทำนั้น
เกษร เสมจันทร์