โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป’ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล 9 ปีการจากไปของ ‘คมน์ อรรฆเดช’

โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป’ ทำบุญอุทิศส่วนกุศล 9 ปีการจากไปของ ‘คมน์ อรรฆเดช’
…………………………………………………………………………………….
9 ส.ค.65 – เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บริษัทโคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ได้จัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ คมน์ อรรฆเดช ผู้กำกับภาพยนตร์คนดังที่ล่วงลับไปครบ 9 ปี
โดยในพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลในครั้งนี้ พรพิมล มั่นฤทัย ประธานบริษัทโคลีเซี่ยม อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด และพนักงาน ร่วมด้วยผู้กำกับละครคนดัง ทองก้อน ศรีทับทิม, โปรดิวเซอร์ละครจรัญ เมืองลพ และศิลปินดารา ปราบต์ปฎล สุวรรณบาง ได้ร่วมทำบุญถวายภัตราหารเพล พระภิกษุสงฆ์ 9 รูป โดยกราบนิมนต์พระครูสังฆรักษ์บุญมี ยติโก เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา จังหวัดนนทบุรี เป็นเจ้าพิธี จากนั้น พรพิมล มั่นฤหัย และศิลปินดาราได้พร้อมใจถวายเงินจำนวนหนึ่งแด่พระครูสังฆรักษ์บุญมี ยติโก เจ้าอาวาสวัดพุทโธภาวนา จังหวัดนนทบุรี เพื่อนำไปบูรณะบำรุงวัด


สำหรับ คมน์ อรรฆเดช มีชื่อเดิมว่า สมคิด กองเงินทอง (สมคิด เล่งอิ้ว) เกิดในปี พ.ศ. 2486 ที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียนจบชั้นมัธยม โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษดิ์ ชีวิตโลดโผน ชอบการต่อสู้เคยเป็นนักมวยงานวัดใช้ชื่อ “กู้ศักดิ์ เลือดแปดริ้ว”, “สมคิด ลูกแปดริ้ว” ก่อนมาเรียนต่อ โรงเรียนพลตำรวจ จนจบและรับราชการเป็นพลตำรวจ ประจำสถานีตำรวจนครบาลสามเสน ได้ 3 ปี ก็มีเหตุให้ต้องลาออก
หลังสมัครทำงานให้กับองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEATO) จำรูญ หนวดจิ๋ม นำไปฝากกับ ชายชาญ กรรณสูต ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 7 จึงมีโอกาสรู้จัก ชาลี อินทรวิจิตร ที่กำลังหานักแสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “ปิง วัง ยม น่าน” จึงถูกเลือกให้รับบท “คมน์ คันสร” ขณะที่ ดามพ์ เผด็จดัสกร ได้บท “ดามพ์ ดัสกร”, โดม สิงห์โมฬี รับบท “โดม สิงห์โมฬี” และ ลักษณ์ กุลศิริวุฒิชัย รับบท “ลักษณ์ อภิชาติ” โดยชื่อนาม “เสือสี่แคว”


จากนั้น คมน์ คันสร ก็ได้แสดงภาพยนตร์โทรทัศน์เรื่อง “ลูกทาส”, “ป้อมเพชร”, “ทาสรักขุนรบ”, “พระอภัยมณี”, “มะกอกสามตะกร้า”, “ป่าสังคม”, “หมอผี” จนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาทางจอแก้ว
ปี พ.ศ. 2514 ชาลี อินทรวิจิตร ประกาศสร้างภาพยนตร์เรื่อง “สวนสน” สมคิด เล่งอิ้ว ถูกเลือกมาร่วมแสดง จึงขอใช้ชื่อว่า “คมน์ อรรฆเดช” และมีผลงานภาพยนตร์กว่า 30 เรื่องในเวลานั้น อาทิ “สื่อกามเทพ”, “บุหงาหน้าฝน”, “มันมากับความมืด”, “พรุ่งนี้ฉันจะรักคุณ”, “ขอบฟ้าเขาเขียว”, “หมอกฟ้า”, “คนเมืองกรุง”, “ทิพย์ช้าง” “ตัญหานักบุญ”, “เผ็ด” ฯลฯ


ปี พ.ศ. 2516 ชาลี อินทรวิจิตร มีส่วนผลักดันให้ คมน์ อรรฆเดช สร้างภาพยนตร์เป็นครั้งแรก โดยนำพล็อตเรื่องจากชีวิตจริงเมื่อครั้งยังเป็นตำรวจมาสร้างในชื่อเรื่อง “ปล้นครั้งสุดท้าย” จันทรา จันทมณี ผู้อำนวยการสร้าง ใช้ดาราดังแห่งยุค วันดี ศรีตรัง เป็นนางเอกประกบ ยอดชาย เมฆสุวรรณ ใช้เวลาถ่าย 2 ปี สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2518 ดาราดังตกกระแสแล้ว หักค่าใช้จ่ายไม่ถึงกับขาดทุน
คมน์ อรรฆเดช มีคติประจำใจว่า “ต้องเสี่ยงเมื่อยังหนุ่ม แม้จะผิดพลาด ก็ยังมีเวลาแก้ไขได้”ภาพยนตร์เรื่องที่ 2 “เผาขน” จึงไม่เคยกลัวงบบานปลาย เพียงเพื่อให้หนังออกมาดี “เผาขน” นอกจากระดมดาราดัง สมบัติ เมทะนี, อรัญญา งามวงศ์, ยอดชาย เมฆสุวรรณ, นัยนา ชีวานันท์ ฯลฯ ยังลงทุนให้รถยนต์วิ่งพุ่งตกจากตึก 7 ชั้น และขับชนกันจนระเบิดไปถึง 6 คัน
ฉากวาบหวิวยังจับ อรัญญา นามวงศ์ ขึ้นชกมวยบนเวที และใส่ชุด “นางกระต่าย” รวมถึงใส่ชุดบีกินี่ สีดำนอนโชว์สัดส่วน 36-23-36 โดยมี บู๊ วิบูลย์นันท์ ลูบไล้ส่วนเว้าส่วนโค้งจนมือสั่นระริก ซึ่งเป็นชนวนนำไปสู่การฆ่า “เผาขน” หัวใจของเรื่อง เข้าฉายโรงหนังเพชรรามา ประสบความสำเร็จในรายได้


เมื่อพรพิมล มั่นฤทัย ขึ้นแท่นผู้อำนวยการสร้าง ได้เปลี่ยนใช้ชื่อ “โคลีเซี่ยมฟิลม์” ภาพยนตร์ที่สร้างทุกเรื่องถือเป็นฟอร์มยักษ์ นับจาก “ไผ่กำเพลิง” ที่ใช้ช้างนับ 100 เชือกมาร่วมแสดง ซึ่ง ช้าง ต่อมาคือ โลโก้ ค่ายโคลีเซี่ยม เรื่อง “มหาหิน” ลงทุนจ้างสมบัติ เมทะนี โกนหัว 1 ล้านบาท, “เพชรตัดหยก” ลงทุนจ้าง ฉีเส้าเฉียน ต่อด้วยเรื่อง “พยัคฆ์ยี่เก” เดวิดเจียง มาร่วมแสดง รวมถึง “อี้หมิง” ในเรื่อง “อยู่กับก๋ง”
ขณะเดียวกันคมน์ อรรฆเดช ก็ยังสร้างความ เติมเทคโนโลยีสมัยใหม่ใส่ไว้ในภาพยนตร์ เรื่อง “ทับทิมโทน” ลงทุนเงิน 3 ล้านบาท นำอุปกรณ์ช่วยบิน ให้บิณฑ์ บันลือฤทธิ์ สวมใส่เหาะเหิรเดินอากาศ จนเป็นที่แจ้งเกิด รวมถึงนักแสดงอีกหลายคน อาทิ จารุณี สุขสวัสดิ์, พิม วัฒนพานิช, ม.ล.สุรีย์วัลย์ สุริยง, นันทิดา แก้วบัวสาย, ใหม่ สิริวิมล, ยุรนันท์ ภมรมนตรี, พันนา ฤทธิไกร ฯลฯ

ระยะหลัง คมน์ อรรฆเดช มอบหมายให้ลูกหม้อเก่า มนู วรรณายก กำกับแทน ในนามโคลีเซี่ยมฟิลม์, โคลีเซี่ยมพิคเจอร์, โคลีเซี่ยมโปรดักชั่น และโคลีเซี่ยมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ มีผลงานมากว่า 30 เรื่อง อาทิ “กอดคอกันแหวว”, “กองร้อย 501 ริมแดง”, “ด้วยรักไม่รู้จบ”, “ยุ่งดะมะด๊อง” “จงรัก”, “น้ำค้าง”, “รักหรือเสน่หา”, “ปลัดเพชรบ่อพลอย”, “ผีหลบผีไม่หลบ” ฯลฯ โดยมีทองก้อน ศรีทับทิม เป็นผู้ช่วย และกำกับการแสดงในบางเรื่อง
ปี พ.ศ. 2542 คมน์ อรรฆเดช ได้รับเลือกเป็น นายกสมาคมสมาพันธ์ภาพยนตร์แห่งชาติ 2 สมัยติด จัดมหกรรมภาพยนตร์เอเชีย-แปซิฟิก ครั้งที่ 44 มีชาติสมาชิกในวงการภาพยนตร์ทั่วโลก มาร่วมงาน 12 ประเทศ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์, ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน, คูเวต, อินโดนีเซีย, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พัฒนาวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก ส่งผลให้ต่างประเทศเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทยมากขึ้น
คมน์ อรรฆเดช เสนอแนวคิดให้ก่อตั้งสภาภาพยนตร์, สถาบันภาพยนตร์แห่งชาติ รวบรวม 11 สมาคมวิชาชีพ สาขาผู้อำนวยการสร้าง, สาขาโรงภาพยนตร์, สาขาผู้จัดจำหน่าย, สาขาผู้กำกับ, สาขานักแสดง, สาขาทีมงานสร้าง, สาขานักพากย์, สาขาห้องแลป, สาขาผู้สื่อข่าวบันเทิง, สาขานักวิชาการภาพยนตร์, สาขาผู้ผลิตและจำหน่ายวีดีทัศน์ เสนอร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์, ร่างพระราชบัญญัติควบคุมโรงมหรสพ และผลักดันวันที่ 4 เมษายน ของทุกปีเป็น “วันหนังไทย”
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ประกาศ“พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551” ขณะที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้ทุกวันที่ 4 เมษายนของทุกปี เป็น “วันภาพยนตร์แห่งประเทศไทย”
ปี พ.ศ. 2546 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานปริญญาปรัชญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาสื่อสารมวลชน ผู้สร้างผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์และสังคมไทย
เมื่อวงการภาพยนตร์ซบเซา คมน์ อรรฆเดชได้ผันตัวเองเป็นผู้จัดละครโทรทัศน์ ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด คือ โก๊ะจ๋า ป่านะโก๊ะ ละครโทรทัศน์ชุดทางช่อง 7 สี โดยเฉพาะในภาค โก๊ะ 7 เมื่อปี พ.ศ. 2554 ที่เรตติ้งสูงสุด ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งถึง 4 สัปดาห์ซ้อน และมีบริษัท โคลีเซี่ยม อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ประกอบกิจการศูนย์การค้าและโรงภาพยนตร์โคลีเซี่ยม
วันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 15.09 น. คมน์ อรรฆเดช เสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน ที่โรงพยาบาลทักษิณ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะที่มาสำรวจความคืบหน้าในการก่อสร้างศูนย์การค้าโคลีเซี่ยม ซึ่งเป็นกิจการในสังกัดของตนเอง สิริอายุได้ 66 ปี
ทั้งนี้แฟนละครช่อง 7 เอชดี สามารถติดตามผลงานละครของค่ายโคลีเซี่ยม ซึ่งล่าสุดละคร “จ้าวพายุ” ได้กลับนำมาฉายใหม่ ทุกคืนวันศุกร์-เสาร์*อาทิตย์ เวลา 20.30 น. หรือ ติดตามรับชมภาพยนตร์ไทยในอดีต ผลงานของค่ายโคลีเซี่ยมฟิลม์ ได้ที่ ยูทูป : โคลีเซี่ยมฟิลม์ (ภาพยนตร์เงินล้าน) โดยคมน์ อรรฆเดช