นครปฐม มิจฉาชีพอ้างเป็นแม่ชีโทรขอเงินสด หลวงพี่น้ำฝนแถมยังโทรหาวัดต่างๆ มากมาย

มิจฉาชีพอ้างเป็นแม่ชีโทรขอเงินสด หลวงพี่น้ำฝนแถมยังโทรหาวัดต่างๆ มากมายอ้างเอาไปช่วยผู้ประสบภัยโควิดภาคอีสาน

เมื่อวันที่6 สิงหาคม 2564 พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ได้กล่าวผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้ได้เริ่มมีกลุ่มมิจฉาชีพหรือพวกเหลือบสังคม ได้พยายามติดต่อเข้าเพื่อขอรับบริจาคเงินโดยอ้างว่าจะนำไปช่วยผู้ที่ประสบปัญหาในช่วงวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งบางรายอาจ ใจบุญร่วมบริจาคโดยไม่ได้เช็คว่ามีแบบนี้ด้วยหรือจึงตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ได้

หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม  กล่าวสำหรับกรณีนี้อาตมาได้ประสบกับตัวเองโดยได้มีคนโทรเข้ามาที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือซึ่งได้บอกว่าเป็นแม่ชี อาศัยอยู่ทางภาคอีสานตอนบนจะขอรับเงินสดบริจาค  เพื่อจะไปช่วยคนที่ประสบปัญหาเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเมื่อได้พยายามสอบถามไปว่าจะขออะไรให้ช่วยอย่างไร พวกมิจฉาชีพก็จะเน้นไปทางเงินสด ซึ่งเมื่อให้บอกลายละเอียดทั้งหมดว่าต้องการเป็นสิ่งของอะไรที่ขาดแคลนและมีความต้องการสิ่งใดก็เงียบไปพยายามจะติดต่อไปก็ติดต่อไม่ได้ บางรายก็จะโทรเข้ามาคุยทำตีสนิทว่าเคยเป็นคนที่มาทอดกฐินที่วัดไผ่ล้อม ซึ่งจะมาขอเงินบริจาคเช่นกัน ซึ่งก็ได้บอกว่าจำไม่ได้และขอให้มีการส่งภาพใบหน้าหรือ มีการลงทะเบียนและแอดไอดี ของแอพลิเคชั่น ไลน์ เพื่อติดต่อขอดูว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่ ก็อ้างว่าไม่สามารถส่งได้เพราะโทรศัพท์เพิ่งหายไป จากนั้นก็วางหูและเงียบหายไปติดต่อกลับก็ติดต่อไม่ได้  บางรายมาถึงวัดบอกอยู่ห้องเช่าค้างค่าเช่าหลายเดือนเจ้าของบ้านจะให้ขนของออกทันทีถ้าไม่จ่ายเงิน จะมาขอยืมอาตมาก่อนเพื่อไปจ่ายค่าห้องไม่งั้นไม่มีที่อยู่  อาตมาจึงบอกขอเบอร์เจ้าของห้อง พวกมิจฉาชีพก็อ้างว่าจำไม่ได้ อาตมาจึงให้ไปขอมา พอไปแล้วไปลับไม่มาเพราะอาตมารู้เท่าทันพวกนี้

หลวงพี่น้ำฝน ยังกล่าวว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ผู้คนกำลังลำบาก ซึ่งวัดต่างๆหรือคนใจบุญ ญาติโยมก็กำลังแย่ บางครอบครัวตกงาน บางครอบครัวติดโควิด  ไม่มีจะกิน  ซึ่งโดยหลักการขอความช่วยเหลือจริงๆ ก็สามารถไปได้หลายแห่งทั้งที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์แต่ละจังหวัด หรือจะเป็นหน่วยงานสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ จังหวัด ซึ่งถ้าจะมาติดต่ออาตมาแบบไม่รู้จักกันมาก่อนก็ดูว่าไม่เป็นเหตุเป็นผล แต่ก็จะมีกลุ่มมิจฉาชีพแฝงตัวเข้ามาซึ่งจะต้องมีการระมัดระวังให้ดี ซึ่งเราต้องรู้เท่าทันมิจฉาชีพที่กำลังเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งอาตมาจะเรียกว่าพวกเหลือบที่จะเข้ามาและมีในทุกสาขาอาชีพ โดยวัดหรือผู้ใจบุญก่อนที่จะจ่ายเงินให้ไป หากไม่คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อย่างมีเหตุผลก็จะตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพนี้ได้ โดยเฉพาะช่วงนี้กลุ่มคนที่ออกมาทำเรื่องพวกนี้ถือว่าไม่สมควรอย่างยิ่งเพราะเป็นการทำร้ายคนที่เดือดร้อนและซ้ำเติมความทุกข์ยากให้กับคนไทยด้วยกันเองในช่วงนี้