สระแก้ว-พช.ร่วมขับเคลื่อนพลัง “บวร” เปิดยุ้งฉางสังฆะประชาปันสุข ถอนกล้าดำนาบุญ

สระแก้ว-พช.ร่วมขับเคลื่อนพลัง “บวร” เปิดยุ้งฉางสังฆะประชาปันสุข ถอนกล้าดำนาบุญ ขยายผลวัฒนธรรมปลูกพืชผักประจำครัวเรือน สร้างความมั่นคงทางอาหารเพื่อชุมชนยั่งยืน

เมื่อวันที่ 19 ก.ค. พระสิริวุฒิเมธี รองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้ว เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน (พช.) กระทรวงมหาดไทยเป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธี”เปิดยุ้งฉางสังฆะประชาปันสุข และถอนกล้าดำนาบุญ พลังบวรร่วมใจ สร้างชุมชนที่ยั่งยืน” โดยมี คณะสงฆ์ นายวิทยา มากปาน รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา นายอำเภออรัญประเทศ พัฒนาการจังหวัดสระแก้ว พัฒนาการอำเภอทั้ง 9 อำเภอ และนายศิระพจต์ จริยวุฒิกุล ผอ.วิทยาลัยชุมชนสระแก้ว พร้อมด้วยผู้แทนส่วนราชการ พุทธศาสนิกชน และภาคีเครือข่าย ร่วมพิธี ณ ไร่พุทธเกษตร สำนักปฏิบัติธรรมป้าโมกข์ธรรมาราม ต.หนองสังข์ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ได้ทำสิ่งที่ดีเป็นต้นแบบให้เกิดขึ้นในจังหวัดสระแก้ว กิจกรรมในการรวมพลังในลักษณะของ “บวร” หรือที่ทางรัฐบาลเรียกว่าประชารัฐ คือทุกภาคส่วนได้ช่วยกันในการที่จะทำสิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นกับชุมชนและสังคม ปีนี้เป็นปีที่ 3 แล้วมั่นใจว่าพวกเราจะรักษา สืบสาน และต่อยอด วิถีชีวิตของบรรพบุรุษเราในเรื่องของการทำนา การทำเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องส่งเสริมให้เกิดความมั่นคงด้านอาหาร ทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี ขณะนี้ กรมการพัฒนาชุมชนได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวนมาก ส่งต่อไปยังครอบครัวพี่น้องใน 73 จังหวัด ที่สมัครเข้าร่วมโครงการพัฒนาพื้นที่เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ โคก หนอง นา โมเดล ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐบาลจัดสรรงบมาให้ 9 พันกว่าล้านบาทในชื่อโครงการเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่นำมาเล่าเพื่อยันยันเรื่องการส่งเสริมให้ทั้งผู้ใหญ่และลูกหลานได้สืบทอดและเรียนรู้การทำกสิกรรมธรรมชาติ สร้างความมั่นคงด้านอาหารให้กับครอบครัว ชุมชน และสังคม

ทั้งนี้ แม้จะกลุ่มคนที่เห็นความสำคัญมีอยู่ในทุกจังหวัด แต่จุดอ่อนที่สำคัญคือการส่งผ่านต่อไปยังครอบครัวต่างๆ ต้องอาศัยพลังที่เรียกว่า ทั้งวัดและชุมชนต้องช่วยกัน กรมการพัฒนาชุมชนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.อนุพงศ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย มอบนโยบายที่สำคัญคือการสืบสานวิถีชีวิตการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งสอดคล้องกับสิ่งที่พวกเราทำในวันนี้ ได้แก่ การปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร และการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงและทฤษฎีใหม่ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่จะทำให้ประเทศชาติเรามีความเจริญ รอดพ้นจากความอดอยาก

อธิบดีพช.กล่าวว่า กรมการพัฒนาชุมชนได้รับอนุมัติงบประมาณมา 4,700 กว่าล้าน ในจำนวนนั้นมีครัวเรือนที่อยู่ในจ.สระแก้วราว 700 ครอบครัวที่จะได้รับงบประมาณเพื่อไปพัฒนาพื้นที่ให้เป็นไปตามลักษณะของทฤษฎีใหม่ แบ่งพื้นที่เป็น 30 : 30 : 30 : 10 ประกอบด้วย 10 คือที่อยู่อาศัยและเลี้ยงสัตว์ 30 แรกเก็บน้ำ 30 ที่สองคือพื้นที่สำหรับเป็นแหล่งอาหาร อีก 30 เป็นไม้ยืนต้น ไม้ 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ประโยชน์ที่หนึ่งก็คือสำหรับกิน สองทำที่อยู่อาศัย สามทำเครื่องมือเครื่องใช้ สี่คือทำให้ร่มเย็น โดยระดับครอบครัวเราให้ 1-3 ไร่ สิ่งที่จะได้คือแหล่งน้ำ หนอง คลองไส้ไก่ เราจะมีพื้นที่ที่เป็นไปตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 พระราชทานไว้ให้คือ มีทั้งข้าว ผลไม้ พืชผัก ไม้ใช้สอย ไม้เชื้อเพลิง สมุนไพร มีโอกาสสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ให้กับชีวิตตัวเอง ซึ่งในเฟสแรกระดับครัวเรือนมีครอบครัวที่สมัครใจ 25,000 ครัวเรือน

“ในสำนักปฏิบัติธรรมนี้เป็นระดับตำบลคือ มีพื้นที่ตั้งแต่ 10 ไร่ขึ้นไป ไม่เกิน 15 ไร่ ในหนึ่งตำบลเราต้องการหนึ่งศูนย์เรียนรู้ ถ้าทุกตำบลมีระดับนี้ก็จะสามารถรองรับผู้อพยพผู้ลี้ภัยเพราะโรคระบาด ศึกสงคราม น้ำท่วม ไฟไหม้ได้ จะมีกิจกรรมให้ทำ มีอาหารให้กิน ที่สำคัญเราต้องการให้ศูนย์ระดับตำบลเป็นที่รวมผลผลิตจากครัวเรือน เป็นที่รวบรวมผลิตผลที่เหลือกินแปรรูปมาทำการตลาดต่อยอดเป็นทั้งตลาดภายในประเทศและตลาดระหว่างประเทศต่อไปในอนาคต จึงขอฝากท่านผู้นำของพวกเรา ตลอดจนพี่น้องทุกคน ช่วยเมตตานำเอาข้อมูลข่าวสารที่ดีๆ ที่อยู่ในสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ กระจายไปยังทุกครอบครัวที่เป็นเพื่อนบ้านเรา เพื่อให้มีความมั่นคง มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างทั่วถึง” อธิบดี พช. กล่าว

อย่างไรก็ตาม รองเจ้าคณะจังหวัดสระแก้วได้กล่าวสัมโมทนียกถาและมอบกล้าพันธุ์ผักสวนครัวแก่วัดตัวอย่าง ขณะที่ อธิบดี พช. มอบกล้าพันธุ์ผักสวนครัว แก่ผู้นำชุมชน โรงเรียน และ รพ.สต. เพื่อขยายผลการน้อมนำแนวพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้ากรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สู่แผนปฏิบัติการ 90 วัน ปลูกผักสวนครัวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร ระยะที่ 2 สร้างวัฒนธรรมปลูกพืชผักประจำครัวเรือน ที่กรมการพัฒนาชุมชนกำลังขับเคลื่อน โดยมีเป้าหมายให้แต่ละครัวเรือนทั่วประเทศปลูกผักสวนครัวไม่น้อยกว่า 10 ชนิด นอกจากนั้นผู้เข้าร่วมพิธียังได้ร่วมกันเอามื้อลงแขกถอนกล้าดำนาบุญร่วมกันอีกด้วย