พ่อเมืองปทุมธานี ลงแขกเกี่ยวข้าวหอมปทุมธานี ชูอัตลักษณ์ของชาวปทุมธานี “ใบบัวรองข้าวหอม ใบตองรองปลามัน

พ่อเมืองปทุมธานี ลงแขกเกี่ยวข้าวหอมปทุมธานี ชูอัตลักษณ์ของชาวปทุมธานี “ใบบัวรองข้าวหอม ใบตองรองปลามัน
ที่แปลงนาข้าวหอมปทุมของนายสนั่น แสงใส เกษตรกรทำนา หมู่5ตำบลคลองหก อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ลงแขกเกี่ยวข้าวหอมปทุมธานี พร้อมด้วย นางดลวสา บุญเลิศนายกเหล่ากาชาดจังหวัดปทุมธานี นายพิษณุ ประภาธนานันท์ นายอำเภอธัญบุรี นายนิติชัย วิริยานนท์ นายอําเภอคลองหลวง นายสมเดช คงกะพันธ์ เกษตรจังหวัดปทุมธานี นางสาวฐิต์ณัฐ สมบัติศิริ วัฒนธรรมจังหวัดปทุมธานี และพี่ น้อง ชาวเกษตรกรในพื้นที่ ภายใต้สโลแกน “ใบบัวรองข้าวหอม ใบตองรองปลามัน 2019” ณ ทุ่งหลวงรังสิต อำเภอคลองหลวง พร้อมร่วมกันกินข้าว ปลา และไก่อบฟาง เพื่อร่วมกันสืบทอดวิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน

ดร.พินิจ บุญเลิศ ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี กล่าว่า บริเวณแห่งนี้เดิมเป็นทุ่งหลวงรังสิตสมัยรัชกาลที่5ที่เป็นพื้นที่ทำนาเพื่อเป็นแหล่งผลิตข้าวเพื่อนำเข้าไปในกรุงเทพ แรกๆเรียกเมืองธัญบุรี ซึ่งบริเวณนี้เป็นแหล่งน้ำมี่สำคัญ โดยคลองรังสิต นั้นเป็นคลองสายหลักในโครงการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่แห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งเริ่มขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นโครงการคลองชลประทานเพื่อการเกษตรแห่งแรกของไทยที่ริเริ่มขึ้นเพื่อพัฒนาพื้นที่บริเวณทุ่งรังสิตให้เป็นแหล่งเพาะปลูกข้าว รองรับการขยายตัวของการส่งออกข้าว ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของไทยในขณะนั้นและเป็นชลประทานเพื่อการเกษตรกรรม โดยปัจจุบันจังหวัดปทุมธานี เป็นแหล่งผลิตน้ำดิบในการทำประปาส่งไปหล่อเลี้ยงชาวกรุงเทพฯ


ทั้งยังเป็นแหล่งเพาะปลูกข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งเป็นพันธ์ข้าวของชาวปทุมธานี คนปทุมธานี ปัจจุบันนี้มีความเจริญก้าวหน้าเป็นปทุมธานี 4.0 ประชากรมีรายได้เป็นอันดับ6ของประเทศรายได้ของคนปทุมธานีที่นี่มีความเจริญแล้วแต่ว่าเกษตรกรยังคงมีอยู่ในพื้นที่ของปทุมธานี อีกหนึ่งแสนคนหรือสองหมื่นสี่พันครอบครัวขณะที่ปทุมธานีมีประชากร หนึ่งล้านหนึ่งแสนคน โดยเกษตรกรดังที่กล่าวมานั้นยังคงเป็นพลังหลักและพลังเศรษฐกิจของจังหวัดปทุมธานี ผมมาที่นี่เพื่อ ใบบัวรองข้าวหอม ใบตองรองปลามัน มากินไก่อบฟาง เพื่อดำรงวิถีชีวิตและ อัตลักษณ์ของชาวปทุมธานี ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนปลูกข้าวส่งเข้าสู่พระนคร และปัจจุบันยังยังปลูกข้าวหอมปทุมธานี ซึ่งมีชื่อเสียงของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามความเจริญก้าวหน้าของจังหวัดปทุมธานีนั้นมันได้สร้างความเจริญ เป็นเมืองอุตสาหกรรม เป็นบ้านจัดสรร มีตลาดมากมายเป็นจำนวนมาก เป็นเมืองมหาวิทยาลัย มีพิพิธภัณฑ์มากมาย มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเมืองของเราต้องรักษาเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ตรงนี้ไว้

ผมต้องมาให้กำลังใจชาวนาชาวไร่ ชาวสวน ที่อยู่ในพื้นที่ทุ่งหลวงรังสิต ซึ่งกินพื้นที่ อำเภอหลองหลวง อำเภอธัญบุรี และอำเภอหนองเสือบางส่วน นอกนั้นพื้นที่จังหวัดปทุมธานี ก็เจริญเป็นปทุมธานี 4.0 ไปหมดแล้ว
การลงแขกเกี่ยวข้าวเป็นประเพณีไทยที่แสดงให้เห็นถึงความมีน้ำใจที่มีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังสามารถช่วยสร้างความสมัครสมานสามัคคีกันในหมู่บ้านได้อีกด้วยซึ่งนับวันจะหาดูได้ยากในสภาพปัจจุบัน เมื่อเทคโนโลยีทางการเกษตรเข้ามาสู่ชุมชนพร้อมกับการส่งเสริมให้มีการปลูกเพื่อขาย ยุคเศรษฐกิจเงินตราเป็นใหญ่จึงทำให้การช่วยเหลือเกื้อกูลกันในอดีต กลายมาเป็นการว่าจ้างแรงงานแทน และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามอย่าง การลงแขก จึงพลอยสูญหายไปด้วย และยิ่งมาถึงยุคสมัยที่ลูกหลานวัยรุ่น หนุ่ม-สาวของเราหนีความแห้งแล้งไปขายแรงงานในเมืองใหญ่ การทำไร่ไถนาของบรรพบุรุษก็ยิ่งขาดแคลนแรงงานหนัก ก็ได้อาศัยเงินทองที่ลูกหลานส่งมาให้มาจ้างแรงงานในหมู่บ้านใกล้เคียงมาช่วยเหลือ ก็ยิ่งทำให้การลงแขกถูกลืมเลือนเด็ดขาดไปเลย เพราะการช่วยงานต้องมีค่าจ้างตอบแทน เลี้ยงข้าวปลาอาหารอีก จึงต้องมีการฟื้นฟูและกล่าวถึงวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม การลงแขก ให้หวนกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
ภูมิปัญญาไทยๆ ของเรานี่แหละที่สามารถนำผลผลิตจากธรรมชาติ มาใช้ในการห่อข้าวปลาอาหารเพื่อพกติดตัวไปกินได้ อย่างการนำ “ใบบัว ใบตอง” มาเป็นภาชนะสำหรับห่อข้าวติดตัวไปกินเวลาไปทำนาทำไร่
การใช้ใบตองหรือใบบัวมาห่อข้าว โดยเลือกอาหารแห้งๆ อย่างเช่นข้าวสวย น้ำพริก-ผักต้ม ปลาทอด ปลาเผา ผัดนก ผัดหนู ซึ่งอยู่ตามธรรมชาติเป็นวิถีชีวิตชาวนา
ข้าวหอมปทุมจะมีความนุ่มและมีกลิ่นหอมคล้ายข้าวหอมมะลิ โดยเฉพาะข้าวใหม่ช่วงต้นฤดูจะมีกลิ่นหอมมากเป็นพิเศษ สามารถปลูกได้ในท้องนาทั่วไป เป็นทางเลือกใหม่ของคนที่ชอบการรับประทานข้าวที่มีความนุ่มและหอมในแบบคุ้มค่าคุ้มราคา
ข้าวหอมปทุมมีคุณสมบัติคล้ายข้าวหอมมะลิ ทำให้คุณค่าและคุณประโยชน์ที่เราได้รับมีความคล้ายคลึงกัน โดยข้าวหอมปทุมมีคาร์โบไฮเดรตสูงถึง 71-77% รองลงมาคือโปรตีน 5-8% มีส่วนช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย นอกจากนี้ยังมีวิตามินบี 1 ช่วยป้องกันโรคเหน็บชาและวิตามินบี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอกได้อีกด้วยข้าวหอมปทุมอุดมไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ ช่วยป้องกันอาการท้องผูก มีธาตุเหล็กช่วยป้องกันโรคโลหิตจางและบำรุงเลือด นอกจากนี้ยังมีไนอะซีนที่ช่วยรักษาผิวหนังและระบบประสาท เนื่องจากในข้าวหอมปทุมมีสารตัวหนึ่งชื่อว่า Gamma –Orzanol ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติในการช่วยลดระดับไขมันและคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด จึงมีผลทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตของเราทำงานได้อย่างเป็นปกติ เลือดจึงสามารถไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี ทำให้อวัยวะสำคัญของร่างกายอย่าง หัวใจ ตับ ไต มีเลือดไปเลี้ยงเพียงพอ ข้าวหอมปทุมมีส่วนช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคตับ โรคไต โรคเบาหวาน โรคภูมิแพ้ และโรคความจำเสื่อม เนื่องจากอุดมไปด้วยสารอาหารและไขมันชนิดดีต่อร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดไขมันเลวที่ไม่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเราอีกด้วย ข้าวหอมปทุมเป็นข้าวไทยพันธุ์ใหม่ที่มีทั้งประโยชน์ต่อสุขภาพ และเมื่อนำไปรับประทานยังมีความหอม นุ่ม อร่อย ไม่ต่างจากข้างหอมมะลิแต่มีราคาคุ้มค่า เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค