นครปฐม. เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมเปิดใจ ถึงแนวทาง สร้างวัดกก จ.ปทุมธานี ‘วิถีทางสายกลาง”‘นำร่องวัดต้นแบบ’ ภูมิสังคม รู้รักสามัคคี

พระครูปลัดสิทธิวัฒน์หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม .นครปฐม ประธานดำเนินงานฟื้นฟูวัดกกวัดร้าง.ปทุมธานี มีนัยยะยึดการดำเนินงานในลักษณะทางสายกลางสอดคล้องกับสิ่งที่อยู่รอบตัวสามารถปฏิบัติได้จริง

 เนื่องจากวัดกกเป็นวัดที่ยังไม่มีสิ่งปลูกสร้างเป็นผืนดินเปล่าๆฉะนั้นยิ่งต้องละเอียดรอบคอบโดยต้องมีการวางแผนคิดค้นหาแนวทางในการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่ประโยชน์ต่อญาติโยมพุทธศาสนิกชนคนในชุมชนให้มากที่สุดทำให้พื้นที่แห่งนี้มีคุณค่าและเป็นแบบอย่างในการพัฒนาวัดร้างสืบต่อไปต้องทำให้เป็นต้นแบบอย่างเป็นระบบ

 

ในเบื้องต้นอาตมาได้ศึกษาหาข้อมูลรายละเอียดอย่างเป็นระบบสำรวจพื้นที่จากข้อมูลเบื้องต้นจากเอกสารแผนที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่นักวิชาการและราษฎรในพื้นที่เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ถูกต้องเพื่อที่จะได้ทำอย่างถูกต้องและรวดเร็วตรงตามที่ญาติโยมต้องการหัวใจสำคัญอาตมาต้องการสร้างความเข้มแข็งให้คนภายในชุมชนให้มีความพร้อมที่จะร่วมกันพัฒนาวัดเสียก่อนต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ตั้งตัวหรือเตรียมพร้อมการสร้างวัดต้องเน้นการปรับใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่โยมสามารถนำไปปฏิบัติได้และเกิดประโยชน์สูงสุดการพัฒนาวัดร้างจำเป็นต้องทำตามลำดับขั้น  ต้องสร้างพื้นฐานคือความพอเพียงอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างต้องประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาและเพื่อประโยชน์สูงสุดทำให้มีมูลค่าคุ้มค่า

อาตมาเน้นภูมิสังคมเนื่องเพราะการพัฒนาใดๆต้องคำนึงถึงสภาพภูมิประเทศของบริเวณนั้นว่าเป็นอย่างไรและสังคมวิทยาเกี่ยวกับลักษณะนิสัยใจคอคนตลอดจนวัฒนธรรมประเพณีในท้องถิ่นเราเข้าไปดูว่าคนรอบวัดกกที่หมู่2 .บ้านใหม่.เมือง.ปทุมธานีแห่งนี้เขาต้องการอะไรจริงๆแล้วก็อธิบายให้เขาเข้าใจหลักการของการพัฒนาวัดนี้ขึ้นมาก็จะเกิดประโยชน์อย่างยิ่งการบูรณะฟื้นฟูสร้างวัดกกวัดร้างแห่งนี้อาตมาเน้นต้องประหยัด  เรียบง่ายได้ประโยชน์สูงสุดใช้ธรรมชาติช่วยธรรมชาติต้องการให้ญาติโยมได้มาวัดที่ใกล้ชิดกับธรรมชาตินำโยมมาปลูกป่าในใจคนฝึกดูแลรักษาต้นไม้ด้วยตนเองมุ่งประโยชน์คนส่วนใหญ่เป็นหลักนึกถึงประโยชน์ส่วนรวมทำให้บริสุทธิ์บริบูรณ์

อาตมาต้องการให้โยมทุกคนต้องเสียสละเป็นการกระทำอันมีผลเป็นกำไรคือความอยู่ดีมีสุขของคนในชุมชนนี้อย่างแท้จริงถ้าโยมทำอะไรที่โยมเสียแต่ในที่สุดโยมเสียนั้นเป็นการได้ทางอ้อมในไม่ช้าโยมจะได้รับผลดีถ้ารู้รักสามัคคีรู้เสียสละคือการได้ทำให้ชุมชนบ้านวัดโรงเรียนก้าวหน้าและการที่คนอยู่ดีมีสุขนั้นเป็นการนับที่เป็นมูลค่าเงินไม่ได้และต่อไปในอนาคตวัดกกจะเป็นศูนย์ศึกษาการพัฒนาแบบเบ็ดเสร็จโดยทรงเน้นเรื่องรู้รักสามัคคีและการร่วมมือร่วมแรงร่วมใจกันด้วยการปรับลดช่องว่างโดยเอาธรรมะเข้ามาช่วยขัดเกลาสอนให้รู้รักสามัคคีรู้  การที่เราจะลงมือทำสิ่งใดนั้นจะต้องรู้เสียก่อนรู้ถึงปัจจัยทั้งหมดรู้ถึงปัญหาและรู้ถึงวิธีแก้ปัญหารัก 

เมื่อเรารู้ครบด้วยกระบวนความแล้วจะต้องมีความรักการพิจารณาที่จะเข้าไปลงมือปฏิบัติแก้ไขปัญหานั้นๆสามัคคีการที่จะลงมือปฏิบัตินั้นควรคำนึงเสมอว่าเราจะทำงานคนเดียวไม่ได้ต้องทำงานร่วมมือร่วมใจเป็นองค์กรเป็นหมู่คณะจึงจะมีพลังเข้าไปแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดีวัดกกจักเป็นต้นแบบของการพึ่งตนเองการพัฒนาตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่9 กล่าวคือเพื่อการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้นด้วยการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเพื่อให้มีความแข็งแรงพอที่จะดำรงชีวิตได้ต่อไปแล้วขั้นต่อไปก็คือการพัฒนาให้ญาติโยมสามารถอยู่ในสังคมได้ตามสภาพแวดล้อมและสามารถพึ่งตนเองได้ในที่สุดวัดต้องสอนโยมและเป็นต้นแบบของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นปรัชญาที่รัชกาลที่9 มีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่พสกนิกรชาวไทยมา

โดยตลอดนานกว่า30 ปีตั้งแต่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจและเมื่อภายหลังได้ทรงย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้นและสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างวัดกกจะต้องเป็นวัดที่โยมมาแล้วมีความสุขกลับไปต้องได้รับความรู้ควบคู่ธรรมะและคุณธรรมมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นเรียนรู้การพออยู่พอกินเสียก่อนแล้วจึงค่อยขยับขยายให้มีขีดสมรรถนะที่ก้าวหน้าต่อไป  และให้ทุกคนมีความเพียรไม่ท้อถอย  มีความซื่อสัตย์สุจริตจริงใจต่อกันเพราะผู้ที่มีความสุจริตและบริสุทธิ์ใจแม้จะมีความรู้น้อยก็ย่อมทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมได้มากกว่าผู้ที่มีความรู้มากแต่ไมมีความสุจริตไม่มีความบริสุทธิ์ใจฉะนั้นวัดกกจักเป็นต้นแบบแห่งความบริสุทธิ์ใจอย่างถ่องแท้จริง

…………………………………………………………………………