สิงห์บุรี เยาวชนสร้างสรรค์คัดค้านแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ 2551 ไม่เอื้อทุนใหญ่

เยาวชนสร้างสรรค์สิงห์บุรี คัดค้านแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ 2551 ไม่เอื้อทุนใหญ่
ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาร่างกฎหมายแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จำนวน 3 ร่าง ในวันที่ 10 มกราคม 2567 โดยรัฐบาลได้ขอนำทั้ง 3 ร่างไปศึกษาก่อน 60 วัน (ครบ กำหนด วันที่ 9 มีนาคม 2567) รวมทั้งรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุข จะได้ส่งร่างของรัฐบาลมาด้วย ซึ่งจะรวมกัน 4 ร่าง โดย ร่างของพรรคก้าวไกล และร่างของนายเจริญ เจริญชัย พร้อมผู้ลงชื่อสนับสนุน 10,942 คน ต้องการจะให้เปิดเสรี ส่วนร่างของกระทรวงสาธารณสุข และนายธีรภัทร์ คหะวงศ์ พร้อมผู้ลงชื่อสนับสนุน 92,978 คน ต้องการให้การควบคุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นายธิติวัฒน์ คุ้มกัน ประธานชมรมเยาวชนสร้างสรรค์สิงห์บุรี ร่วมกับเครือข่ายศูนย์คุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจังหวัดสิงห์บุรี ยื่นหนังสือต่อนายวราดิศร อ่อนนุช รองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เรื่องการแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮอล์ 2551 ไม่เอื้อทุนใหญ่ไม่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำเติมสังคม โดยฝ่ายที่แก้ไขให้อ่อนลงนั้นต้องการจะทำให้การซื้อขายการโฆษณา การลดราคา การแจกชิมได้เป็นเรื่องปกติธรรมดาขายได้ในมหาวิทยาลัย ยกเลิกห้ามขายวันพระใหญ่ให้ขายได้ 24 ชั่วโมง รวมทั้งให้ธุรกิจมาแทรกแซงการบริหารของกรรมการซึ่งจะกลายเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจรายใหญ่ซึ่งไม่ควรจะเป็นเช่นนั้นเพราะเครื่องดื่มแอลกฮออล์ทำให้คนไทยเสียชีวิตจากโรคและการบาดบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่สัมพันธ์กับแอลกฮอล์ ปีละ 20,000 คน หรืประมาณ 50 คนต่อวัน สร้างภาระในระบบสาธารณสุขอีกทั้งปัจจุบันมีการแพร่ระบาดของ ยาบ้า กัญชา กระท่อม บุหรี่ ไฟฟ้า ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อประชาชนมากขึ้น แต่ควรต้องแก้ไขโดยเพิ่มบทบาทภาคประชาสังคมปรับรูปแบบการลงโทษแลเพิ่มการห้ามโฆษณาแฝงซึ่งเจ้าของธุรกิจรายใหญ่ที่ได้ประโยชน์ไปเลี่ยงการโฆษณาด้วยการสื่อสารโซดา น้ำแร่แทน

ดังนั้นชมรมเยาวชนสร้างสรรค์สิงห์บุรีร่วมกับเครือข่ายศูนย์คุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภคจังหวัดสิงห์บุรี  จึงถือป้ายขอคัดค้านการแก้ไขกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกฮออล์ 2551 เอื้อทุนใหญ่ เช่น หยุดเพิ่มเวลาขายเหล้าเบียร์ ประชาชนเสี่ยงเจ็บ-ตาย คนขายรวย และ ป้ายอุ้มนายทุนเหล้าเบียร์ ผลเสียกระทบที่ประชาชนมีความกังวลในผลกระทบที่จะตามมา จึงร้องขอให้จังหวัดสิงห์บุรีส่งหนังสือถึงรัฐสภา เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวให้รอบคอบ