สิงห์บุรี ผู้ว่าฯลงพื้นที่ตรวจโรงงานไข่เป็ดหลังชาวบ้านร้องปล่อยน้ำมีกลิ่นเหม็น

สิงห์บุรี ผู้ว่าฯลงพื้นที่ตรวจโรงงานไข่เป็ดหลังชาวบ้านร้องปล่อยน้ำมีกลิ่นเหม็น

วันที่ 17 พ.ค.65 เวลาประมาณ 13.30 น. นายชัยชาญ สิทธิวิรัชธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมด้วย นายสมชาย ลีหล้าน้อย รอง ผวจ.สิงห์บุรี พ.อ.ชายธนัญชา วาจรัต รอง ผอ.รมน.จว.สิงห์บุรี พร้อมคณะส่วนราชการ ท้องถิ่นจังหวัด สาธารณสุข จ.สิงห์บุรี เทศบาล ต.โพสังโฆ อำเภอ และอุตสาหกรรรมจังหวัด ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบพร้อมผู้ประกอบการบริษัท พัชรีไข่เป็ด ที่บ่อน้ำทิ้งที่ ม.13 ต.โพสังโฆ หลังจากที่มีชาวบ้านร้องเรียนมาว่าได้รับผลกระทบเรื่องน้ำจากไลน์ผลิตของโรงงานมีกลิ่นเหม็น ซึ่งทางผู้ประกอบการได้รับปากว่าจะแก้ไขโดยการสูบน้ำออกจากบ่อภายใน 3 วัน และจะกำจัดกลิ่นโดยการโรยปูนขาว หลังจากตรวจสอบแล้ว นายชัยชาญ ผวจ.สิงห์บุรี ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการแก้ไขปัญหา และได้บอกกับผู้นำชุมชนและทุกคนว่า ให้เห็นใจผู้ประกอบการ อย่าปิดประตูกั้นโอกาสเพราะว่าจะทำให้ผู้ประกอบการไม่มีทางออก ถ้าบริษัทดำเนินกิจการไปได้และสามารถอยู่ร่วมกับประชาชนได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจในจังหวัดสิงห์บุรีดี ประชาชนบริเวณนั้นมีอาชีพ ซึ่งถ้าเกิดปัญหาอีกก็ต้องมาคุยกัน ร่วมกันแก้ไขให้ทุกผ่ายอยู่ร่วมกันได้โดยไม่เกิดปัญหา

หลังจากนั้นได้เดินทางไปตรวจสอบการดำเนินงานที่โรงงานพัชรีไข่เป็ด หมู่ที่ 4 ต.โพสังโฆ อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งการจากตรวจสอบแล้วพบว่า โรงงานสะอาดดี ไม่มีกลิ่น ไม่พบปัญหาใด ซึ่งทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดได้กล่าวว่า เข้าใจได้ดีว่าโรงงานเก่านี้มีพื้นที่น้อยทำให้มีการบริหารจัดการน้ำเป็นไปได้ยาก ซี่งทางผู้ประกอบการก็ได้พยายามทำตามแนะนำของหน่วยงานต่างๆ มาโดยตลอด ฝาก ท่านนายก อบต.โพสังโฆ ได้ช่วยให้ความรู้กับผู้ประกอบการในการกำจัดน้ำเสีย และให้อธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน “ผู้ร้องเรียน กับผู้ประกอบการ ต่างก็เป็นคนสิงห์บุรี ด้วยกัน เพราะฉะนั้นต้องอยู่ร่วมกันให้ได้”

จากนั้น ทางคณะฯ ได้เดินทางไปสำรวจที่บ่อน้ำทิ้ง หมู่ที่ 3 ต.คอทราย อ.ค่ายบางระจัน ซึ่งเป็นบ่อที่ทางโรงงานฯ นำน้ำจากไลน์ผลิตมาพักน้ำและบำบัดด้วยการเติมจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง จนน้ำจะมีสีแดง สามารถนำมาใช้เป็นปุ๋ยในการเกษตรได้เป็นอย่างดี และไม่มีกลิ่น โดยท่านอุตสาหกรรมจังหวัดสิงห์บุรียังได้แนะนำให้นำน้ำจุรินทรีย์สังเคราะห์แสงนี้ ไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ทำการเกษตรอีกด้วย และ ท่านชัยชาญ ผวจ.สิงห์บุรี ได้กล่าวกับผู้ประกอบการและผู้ร้องเรียนว่า “อยากให้ประชาชนอยู่ได้ด้วยความสุข ธุรกิจก็เดินหน้าด้วยกันได้ ไม่อยากให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเดินกันไม่ได้ มีอะไรควรคุยกัน ช่วยกันแก้ไขปัญหา ขับเคลื่อนไปด้วยกัน ทั้งสองฝ่ายอย่าตั้งกำแพงเข้าหากันทั้งคู่ ทางนี้ก็อยากให้ชาวบ้านมีความสุข ทางนี้ก็อยากให้ธุรกิจของตนเองขับเคลื่อนได้โดยไม่กระทบชาวบ้าน ผลประโยชน์ไม่ได้ขัดกัน เพียงแต่ว่าการสื่อสารการทำความเข้าใจกันอาจจะมีปัญหา ขอให้พูดคุยหันหน้าเข้าหากัน เดินไปด้วยกันให้ได้ เมื่อธุรกิจเข้ามาอยู่ในพื้นที่ ก็จะมีรายได้เข้ามาในท้องถิ่นมากขึ้น มีการจ้างงานในพื้นที่ มันเป็นไปไม่ได้ที่อีกฝ่ายอยู่ได้ แล้วอีกฝ่ายอยู่ไม่ได้ ซึ่งหลักการทำงานของจังหวัดคือ ทุกฝ่ายไปด้วยกันได้ มีปัญหาร่วมกันแก้ไข ไม่ใช่มีปัญหาแล้วทิ้งปัญหาให้อีกคนนึงแก้ ไม่สนใจทำอะไรกันสักที อย่างนี้ไม่ได้ ปัญหาทุกเรื่องในพื้นที่ ทั้งผู้ประกอบการ ทั้งเจ้าของพื้นที่ควรร่วมกันแก้ไข ถ้าร่วมก้นแก้ได้ ประโยชน์ก็จะเกิดแก่ประชาชน”