กาญจนบุรี นายกอบต.ไล่โว่นำทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล ลุยน้ำป่าฉีดวัคซีนเข็มแรก

กาญจนบุรี  นายก อบต.ไล่โว่ นำทีมเจ้าหน้าที่แพทย์ พยาบาล พร้อมเจ้าหน้าที่ ใช้เวลาลุยน้ำป่า เดินทางเข้าทุ่งใหญ่นเรศวรด้วยรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อของจิตอาสา เพื่อฉีดวัคซีนเข็มแรก (ชิโนฟาร์ม) ให้กับชาวบ้านจะแก 146 คน ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 6 วัน 5 คืน บนเส้นทาง 80 กม


นายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นายก อบต.ไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี นายสมชาย วุฒิพิมลวิทยา นำ นายแพทย์ ปัญญา สุนทรฐิติ (ซึ่งเป็นแพทย์จิตอาสา)จาก กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่พยาบาลจากโรงพยาบาลสังขละบุรี นำทีมโดย น.ส. หวานเพ็ญ สาลี หัวหน้าพยาบาล โรงพยาบาลสังขละบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ อบต.ไล่โว่ เดินทางเข้าพื้นที่บ้านจะแก หมู่ที่ 6 ตำบลไล่โว่ อำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร(ทิศตะวันตก) ซึ่งเป็นพื้นที่ห่างไกลและมีความยากลำบากในการเดินทาง โดยห่างจากตัวอำเภอสังขละบุรี ประมาณ 80 กม.ติด ตำบลแม่จัน อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก


โดยใช้เส้นทาง สำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร(ด้านตะวันตก) ทินวย – หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง -หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช(ซ่งไท้) -จุดสกัดดงวี่-หน่วยพิทักษ์ป่าเซซาโว่-หน่วยพิทักษ์ป่าแม่กะสะ-หน่วยพิทักษ์ป่าจะแก-บ้านจะแก ระยะทางรวม 80 กิโลเมตร เพื่อเดินทางเข้าไปฉัดวัคซีนชิโนฟาร์ม(เข็มแรก) ที่ อบต.ได้จัดซื้อมาจากจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย ซึ่งที่ผ่านมา ในช่วงวันที่ 31 ส.ค-2 ก.ย. 2564 ได้ดำเนินการฉีดให้กับประชาชนในพื้นที่ หมู่ 1 บ้านสะเนพ่อง หมู่ 2 บ้านกองม่องทะ หมู่ที่ 3 บ้านเกาะสะเดิ่ง หมู่ที่ 4 บ้านไล่โว่สาละวะ และ หมู่ที่ 5 บ้านทิไล่ป้า ทีลงเทียนรับการฉีดวัคซีน เข็มที่1 ไปแล้ว จำนวน 377 คน


โดยที่ หมู่ที่ 6 บ้านจะแก เป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่กำลังจะเดินทางเข้าไปฉีดในวันนี้ ตำบลไล่โว่ เป็นชุมชนของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยงดั้งเดิม ที่อาศัยอยู่ในพื้นมานานกว่า 300 ปี ปัจจุบัน มีประชากรที่มีสัญชาติไทย 6,124 คน นอกจากนั้นยังมีประชากรที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยอาศัยอยู่อีก จำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ตำบลไล่โว่ ได้ชื่อว่าเป็นพื้นที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย ที่เดินทางเข้ายากลำบากที่สุด โดยเฉพาะบ้านจะแก ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ไกลที่สุด เนื่องจากเส้นทางที่ประชาชนใช้สัญจร เป็นเส้นทางลำลองในป่า ที่ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน และต้องข้ามแม่น้ำลำธารต่างๆ (โดยเฉพาะลำห้วยดงวี่) สลับกับเขาสูงชัน
โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน การเดินทางต้องใช้เวลาเดินทางข้ามวันข้ามคืน ต้องพบเจออุปสรรคน้ำป่าที่เกิดจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทีมงานต้องอาศัยนอนตามหน่วยพิทักษ์ป่า รถเสีย ต้องเสียเวลาซ่อม รถติดหล่ม บ่อโคลน ต้องใช้วินซ์และช่วยกันเป็นทีม ท่ามกลางความมืด ยุง และ ทาก ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลาเดินทางข้ามวันข้ามคืน กินข้าวไม่ตรงเวลา บางมื้อต้องยืนกินข้าวกลางป่า

ทั้งนี้การเดินทางเข้าไปฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึงหมู่บ้าน ในวันนี้ก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งหากให้ประชาชนทั้ง 63 คนเดินทางออกมาที่โรงพยาบาลสังขละบุรี เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ที่สำคัญบ้านจะแก มีมีพรมแดนธรรมชาติ ติดกับประเทศเมียนมา ซึ่งหากเป็นภาวะปกติที่ไม่เกิดการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า 2019 covid-19 ประชาชน ก็จะมีการเดินทางไปมาหาสู่กันตามวิถีชีวิตท้องถิ่น ซึ่งนอกจากชาวบ้านแล้วทีมแพทย์ พยาบาล ยังต้องฉีดให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางเช่นที่หน่วยมหาราชและหน่วยเซซาโว่ เพื่อเป็นการอนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางออกไปแดวัคซีนที่ โรงพยาบาลซึ่งต้องใช้เวลาเดินทาง 3-4 วัน ขณะเจ้าหน้าที่ต่างดีใจที่มีหมอและพยาบาล มาบริการฉีดวัคซีนถึงที่ เช่นเดียวกับ นายสุขวัฒน์ ศรีชาย ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหินตั้ง (จะแก) เผยว่าหากต้องพาครู ทั้ง 21 คนเดินทางลงไปฉีดวัคซีนที่ โรงพยาบาลสังขละบุรี คงเป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากเส้นทาง ที่สำคัญการออกไปรับวัคซีนในพื้นที่ที่มีการระบาดของโควิต19 อาจมีโอกาสรับเชื้อกลับมาสู่โรงเรียน นักเรียน และชาวบ้าน เนื่องจากที่นี่ยังไร้ผู้ติดเชื้อ ที่สำคัญโรงเรียนเปิดทำการเรียนการสอนเป็นปกติมาตั้งแต่เปิดเทอม ( 16 พ.ค)

ขณะชาวบ้านกล่าวว่าหากเจ้าหน้าที่ไม่มาฉีดให้ที่นี่คงไม่มีโอกาส เนื่องจากไม่สามารถเดินทางออกไปได้ บ้านจะแกจึงเป็นพื้นที่เฝ้าระวังที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ เนื่องจากหากมีผู้ป่วย โควิต-19 ในพื้นที่นี้ จะก่อให้เกิดปัญหาในการป้องกัน รวมทั้งการรักษา เนื่องจากเป็นพื้นที่ห่างไกล และมีความยากลำบากในการเดินทาง ปัจจุบันเมื่อเข้าสู่ฤดูฝน หากประชาชนเกิดเจ็บป่วย และมีความจำเป็นต้องเดินทางเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ก็จะต้องอาศัยการส่งต่อผู้ป่วยผ่านสถานการแพทย์ฉุกเฉินฯ โดยต้องใช้เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ของหน่วยงานราชการในพื้นที่ จังหวัดกาญจนบุรี ทหาร ตำรวจ มารับผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล

ซึ่งการเดินทางวันนี้ ได้รับการสนับสนุนรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อ จากกลุ่มจิตอาสา นำรถมาช่วยขนส่งเวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ (วัคซีน ซึ่งประกอบด้วย ชิโนฟาร์ม ที่ชาวบ้านลงทะเบียนไว้กับ อบต.ไล่โว่ 62 โดส และ ซิโนแวค ซึ่งได้รับการจัดสรรมาจาก ร.พ.สังขละบุรี 80 โดส ) วัคซีนทั้งหมดต้องเก็บรักษาในตู้แช่ที่อุณหภูมิ 8องศาเซลเซียส
(บ้านจะแก มีบ้าน 372 หลัง ประชากร 2,512 คน เพิ่งได้รับวัคซีนเข็มแรก 164 คน ประชาชนเป็นชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง ประกอบอาชีพ ทำไร่ปลูกข้าวไร่และข้าวนาไว้บริโภคเอง และ ทำปศุสัตว์ เลี้ยงวัว ควาย)
วัคซีนเข็มที่ 2 จะได้รับประมาณ วันที่ 26 กันยายน นี้ ( ห่างกับเข็มแรก 3 สัปดาห์ ) ซึ่ง อบต.อาจเปลี่ยนแผนขอสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ จากทหาร หรือ ตำรวจ เพื่อประหยัดระยะเวลาในการเดินทาง เนื่องจากเส้นทางเสียหายอย่างหนัก และเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุในการเดินทางด้วยรถยนต์
เกษร เสมจันทร์ กาญจนบุรี